domain

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ตะกรุดมหาพิศวาทใจขาดเสน่ห์ยาแฝดอาบน้ำมันกัวเผาะยันต์แดงพญาวัน





ตะกรุดมหาพิศวาทใจขาดเสน่ห์ยาแฝดอาบน้ำมันกัวเผาะยันต์แดงพญาวัน
สร้างโดย : พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

ตะกรุดชุดนี้ พระอาจารย์โอได้รวบรวมมวลสารที่เป็นแผ่นเงินอาถรรพ์ มีอิทธิคุณในตัวหลายชนิดมาหลอมรวมกัน เช่น เหรียญเงิน ร.๕ เสมือนเป็นสัญลักษณ์ตราแผ่นดิน, เครื่องราช ของขุนนางชั้นสูงที่ทำจากเงินแท้, ตับปิ้งเงินของเจ้าขุนมูลนาย ผู้มีอันจะกิน และเงินอาถรรพ์เครื่องสูงอีกหลายชนิด เรียกได้ว่าเป็นการรวบรวมของวัตถุมงคล ของพิเศษ ให้เป็นหนึ่งเดียว จากนั้นนำมารีดเป็นแผ่นเงิน แล้วลงอักขระยันต์ทางมหาเสน่ห์เมตตา และเสกซ้ำอีกหลาย ครั้งหลายครา แล้วนำกลับไปหลอมใหม่ พระอาจารย์โอได้ทำเช่นนี้ อยู่หลายครั้งตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน จนเป็นที่พอใจ จึงได้นำชนวนเงินอาถรรพ์ชุดนี้มารีดเป็นแผ่นอีกครั้ง

หลังจากนั้นนำมาจารอักขระมหายันต์เสน่ห์ใจขาด ด้วยมือท่านเองอีก จารทีละแผ่นเพื่อความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ในแต่ละครั้งพระอาจารย์โอได้เสกตะกรุดเสน่ห์ใจขาดชุดนี้ตามฤกษ์มงคล ฤกษ์มหาเสน่ห์ มหานิยม นำไปเสกรวมกับอีกหลายพิธีด้วยกันจนเป็นที่พอใจ ขั้นตอนต่อไปนำไปอาบน้ำมันมหาลำอ๊อฟรัญจวนจิตทุกดอก มากกว่านั้น พระอาจารย์โอได้เสกตะกรุดเสน่ห์ใจขาดชุดนี้ด้วยมนต์ใจขาดแบบจัดเต็มเป็นครั้งแรกอีกด้วย เรียกว่าเป็นวิชามนต์ใจขาดขั้นสูง 



ตะกรุดนี้ใครได้ไว้ครอบครอง หมายปองใคร เพียงเขียนชื่อสอดใส่ ปานใจจะขาด เป็นสารพัดนึก (แต่ไม่สำเร็จหากทำผิดศีลธรรม หรือจะนำไปเพื่อทำให้ผู้อื่นแตกแยก) และยังเขียน ขายที่ ขายบ้าน สมประสงค์มากมาย ใช้คาดเอวตรงหน้าท้องเป็นเสน่ห์ เมตตาแก่เพศตรงข้าม หากใครอยู่ใกล้จิตใจจะหวั่นไหวเกิดกำหนัก ราคะอย่างแรง เป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย เข้าหาเจ้านายเมตตาเอ็นดู แช่น้ำให้กินหลงรักทั้งครัวเรือน

ตะกรุดนี้: จารยันต์เสน่ห์ใจขาดแบบมาตรฐาน พันด้วยผ้าเเดงพญาวัน ซึ่งเป็นผ้าอาถรรพ์ ซักด้วยน้ำมะพร้าว ในวันพญาวันคือ 15 เมษายน ตากเเสงตะวัน เเสงจันทาทั้งหมด 7 วัน 7 คืน เเล้วลงยันต์วันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ ซึ่งถือเป็นวันที่เหนือกว่าทุกวัน เเรงกว่าทุกวัน อาบน้ำมันมหาลำอ๊อฟรัญจวนจิต

รุ่นนี้จัดสร้าง 50 ดอกเท่านั้น

=====

วิธีบูชา: เมื่อได้ไปบูชาครั้งแรก ให้นำตะกรุดวนรอบเอวจากมือซ้ายไปยังมือขวา โดยอ้อมหลัง พร้อมว่าคาถา………… ทำเช่นนี้ ให้ครบ 7 ครั้ง ตะกรุดจะเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเจ้าของโดยตรง ฤทธิ์จะแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เป็นการประกาศนามความเป็นเจ้าของ และหลังจากนั้นไปจะมีคาถาเฉพาะ แยกใช้สำหรับบุคคลที่ปรารถนา ไม่ว่าจะ ชาย หรือหญิง เพศที่สามก็สามารถสวดได้เจาะจงเช่นกัน

=========
เราเก็บรักษาบูชาและเพิ่มมนต์ขลังตามหลักเคล็ดวิธีปฎิบัติ "ขลัง๙ ทิพยศาสตร์" ก่อนส่งมอบให้ผู้ศรัทธาครอบครองต่อไป
========
เพจ:https://www.facebook.com/miss.lucky.stone
========
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม
👉🏻📱Line@ : http://bit.ly/2VDIiam 👉🏻📱inbox : m.me/miss.lucky.stone

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

“มุกราตรี” อัญมณีสุกสกาวยามรัตติกาล


นานมาแล้วที่ “ไข่มุกราตรี” มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์แดนมังกร ตลอดจนในบทกลอน และนวนิยายกำลังภายในเรื่องแล้วเรื่องเล่า.......แต่ใครบ้างเล่าที่เคยเห็นและสัมผัสอัญมณีปริศนาดังกล่าวอย่างแท้จริง จนหลายคนเชื่อว่ามุกราตรีเป็นเพียงอัญมณีล้ำค่าที่มีอยู่เพียงในจินตนาการเท่านั้น เมื่อย้อนกลับไปอ่านบันทึกทางโบราณคดีเก่าแก่ ก็เคยมีบันทึกไว้ว่าในตำนานของจักรพรรดิเหยียน (炎帝) หรือ เทพกสิกร (神农氏) ที่ชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นบรรพกษัตริย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์จีน ได้มีการกล่าวถึง “หยกเรืองแสง” ที่ชื่อว่า "เย่หมิง" (夜明= สว่างยามราตรี) ต่อมาในสมัยราชวงศ์จิ๋นก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมุกราตรีที่ฝังอยู่ตามผนังของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เพื่อให้แสงสว่างต่างตะเกียง ตลอดจนในสมัยราชวงศ์ซ่ง หยวน และหมิง ที่ราชสำนักโปรดปรานมุกราตรีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสมัยราชวงศ์หยวนฮ่องเต้เคยถึงขนาดส่งคนไปซื้อมุกราตรีสีแดงถึงศรีลังกา แต่เรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็น เรื่องของ ขุนพลซุนเตี้ยนอิง (孙殿英) ที่บุกเข้าสุสานตะวันออกราชวงศ์ชิงและขโมยมุกราตรีที่อยู่ในปากพระศพของซูสีไทเฮาเมื่อปี 1928 เล่ากันว่ามุกราตรีเม็ดนั้นซุนได้มอบให้แก่ซ่งเหม่ยหลิง ภริยาของเจียงไคเช็ก (ซึ่งปราชัยต่อพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามกลางเมืองและถอยร่นไปตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไต้หวันในปี ค.ศ.1949)
เมื่อมีการกล่าวขวัญถึงแทบทุกสมัยเช่นนี้ แต่เหตุใดนักโบราณคดียังไม่เคยมีการขุดพบมุกราตรีโบราณเลยแม้แต่เม็ดเดียว หรือจะเป็นเพียงตำนานอย่างที่หลายคนสงสัย???
ต่อข้อสงสัยเหล่านี้ศาสตราจารย์หลวนปิ่ง จากคณะอัญมณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรณีวิทยาแห่งประเทศจีน ควบตำแหน่งรองประธานสมาคมอัญมณีแห่งประเทศจีน และได้เคยเขียนตำราเรื่อง “มุกราตรี อดีตสู่ปัจจุบัน” รับอาสาไขข้อข้องใจดังกล่าว
“แร่มุกราตรีนั้นปรากฏขึ้นให้เห็นกันจริงๆ ครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 80 หลังจากนั้นก็มีการขุดพบแร่มุกราตรีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสีเขียว สีแดง โดยมุกราตรีนั้นเป็นแร่หินประเภทหนึ่งที่ประกอบด้วยสารเรืองแสงภายในพวกฟลูออร์สปาร์ทำให้สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด ปัจจุบันมีการขุดพบแร่ประเภทดังกล่าวและมีการเจียระไนให้เป็นทรงกลมเหมือนไข่มุก
อย่างไรก็ตาม มุกราตรีที่ขุดพบกันนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการขุดพบแร่หิน หาใช่เป็นการขุดพบมุกราตรีโบราณในอดีตไม่ ดังเช่นมุกราตรีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.6 เมตร หนัก 6.2 ตัน ก็เป็นแร่ที่ถูกขุดพบในเหมืองแห่งหนึ่งในมณฑลยูนนาน ก่อนจะนำมาเจียรไนใหม่เป็นทรงกลม 
สาเหตุที่ปัจจุบันยังไม่มีการขุดพบมุกราตรีในประวัติศาสตร์นั้นศาสตราจารย์หลวนเชื่อว่า อาจเป็นเพราะมุกราตรีไม่เหมือนหยกที่มีอยู่ดาษดื่น แต่เป็นหินล้ำค่าที่มีอยู่ไม่มาก อีกทั้งคนทั่วไปน้อยคนจะรู้จัก หรือถึงขั้นคิดว่ามุกราตรีเป็นเพียงคำร่ำลือหรือมีแต่เพียงในนิยายเท่านั้น นอกจากนี้ในเวลากลางวันมุกราตรีจะไม่เรืองแสง ดังนั้นสิ่งที่ขุดพบขึ้นมาอาจมีมุกราตรีรวมอยู่ด้วย แต่ถูกมองข้ามไป 
“ไม่มีใครลุกขึ้นมาดูเพชรพลอยตอนมืดหรอก” ศาสตราจารย์หลวนกล่าว
นอกจากนี้มุกราตรียังไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นทรงกลมหรือมีลักษณะเหมือนไข่มุกเสมอไป มองดูผิวเผินอาจเหมือนหินธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าจนถึงปัจจุบันจะยังไม่มีการยืนยันการพบมุกราตรีโบราณก็ตาม แต่ก็ยังมิอาจสรุปได้ว่ามันไม่มีอยู่จริง 
“อย่างเช่นที่อินเดียก็มีการขุดพบแร่หินประเภทเดียวกับมุกราตรี แต่ที่นั่นเรียกกันว่า “หินนัยน์ตาอสรพิษ” หรือสมัยราชวงศ์ชิง มงกุฎของซูสีไทเฮาก็มีมุกราตรีฝังอยู่ 9 เม็ด ในจำนวนนี้มี 4 เม็ดเคยหายไป ก่อนจะได้กลับคืนมาไว้ยังคลังสมบัติของประเทศหลังจากจีนสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน” ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ศาสตราจารย์หลวนมั่นใจถึงความมีอยู่จริงของมุกราตรีในตำนาน................


ที่มา :สำหนักข่าวผู้จัดการ

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ตะกรุดเสน่หาหน้าทองขุนแผนแสนน้ำตาตก ***ปิดทองล่องชาด*** (ขลัง๙)


ตะกรุดเสน่หาหน้าทองขุนแผนแสนน้ำตาตก (ปิดทองล่องชาด), 
ตะกรุดที่เน้นเสน่ห์กามารมณ์รุนแรง หอมรัญจวญจิต #แรงกระชากใจ!!  
เป็นขนบธรรมเนียมที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณว่า ของที่ปิดทองล่องชาดนั้น ย่อมเป็นของดี เป็นของมงคล เป็นของชั้นเลิศ และเป็นของพิเศษหายาก

สุดยอดแห่งตะกรุดที่จะเสริมเสน่ห์ให้แก่ผู้บูชา เรียกได้ว่าหากใครได้เคยพกตะกรุดนี้แล้ว เป็นต้องประทับใจในความแรงจนไม่ยอมถอดออกเลยทีเดียว เพราะนี่คือตะกรุดที่มีเสน่หานุภาพ เป็นการรวมยันต์เสน่ห์ระดับหัวกะทิไว้ด้วยกันถึง13ยันต์ภาพในตะกรุดดอกเดียว ด้านหนึ่งจารด้วยยันต์มหาเสน่ห์ขุนแผนเก้าชั้นอันขึ้นชื่อลือชา ว่ากันว่าเป็นวิชาของขุนแผนแสนสะท้านผู้เกิดมาเป็นยอดนักรัก
 พกพาติดตัวไว้เป็นเมตตามหาเสน่ห์อย่างรุนแรง ใครเห็นเป็นต้องนิยมชมชอบ เขียนชื่อผู้ใดใส่ไว้ด้านในตะกรุด คนผู้นักจักต้องคิดถึงปานใจจะขาดจนน้ำตาตกในทรวงอกเลยทีเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบตะกรุดมหาเสน่ห์ตัวจริง
 ส่วนอีกด้านจารด้วยยันต์เสน่ห์ชั้นยอดอีก4ยันต์ อันประกอบไปด้วย
1. ยันต์ปถมังหน้าทอง
-เป็นยันต์ที่มีอานุภาพส่งผลให้ผู้บูชามีออร่าผุดผ่อง ใบหน้าจับราศี เป็นที่โดดเด่นในหมู่ผู้คน เป็นที่นิยมยินดีแก่คนทั้งหลาย กลายเป็นสาวสวยร้อยเมตร หนุ่มหล่อร้อยหลา มองมุมไหนก็งดงามมาแต่ไกล ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง
2. ยันต์ทะลึ่งตึงตัง เป็นวิชาโบราณที่มีความพิสดารกว่ายันต์ทั่วๆไป กล่าวคือพลานุภาพของยันต์นี้จะทำให้ความตลกขบขันของผู้บูชา เปลี่ยนเป็นความเสน่หาที่ฝังลึกลงสู่ห้วงดวงใจของผู้คนรอบข้างอย่างไม่ทันตั้งเนื้อตัวตัว เป็นที่เลื่องลือกันว่าวิชานี้ช่วยให้ชายหนุ่มที่ชอบแซวสาว ชอบเล่นมุกใส่หญิง ได้สตรีผู้เลอโฉมมาไว้ในอ้อมกอดนักต่อนักแล้ว จนมีคำกล่าวไว้ว่า “ยิ่งเกียจยิ่งรัก ยิ่งโกดยิ่งหลง แค้นเคืองไม่ลง ด้วยมนต์ทะลึ่งตึงตัง”
3. ยันต์เสน่ห์ขุนแผนแสนน้ำตาตก
 ยันต์เสน่ห์ขุนแผนแสนน้ำตาตก เป็นหนึ่งในสุดยอดวิชาที่อยู่ในตำราวิชาสายเขาวัง ตักศิลาไสยเวทอันเรื่องชื่อเกรียงไกรแห่งจังหวัดเพชรบุรี ปกติแล้วสำนักสายเขาวังจะมีชื่อเสียงในวิชาทางด้านคงกระพันชาตรีมหาอุด ว่ากันว่าในสมัยโบราณศิษย์ในสายเขาวังหลายๆท่าน เป็นถึงขุนศึกคู่ใจพระมหากษัตริย์เลยทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงวิชาในด้านเมตตามหาเสน่ห์แล้วสำนักเขาวังก็เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในถิ่นนั้นเช่นกัน แต่จะไม่ค่อยเปิดเผยทั่วไปนัก จะรู้กันเฉพาะคนในสำนักเท่านั้น วิชาเมตตามหาเสน่ห์ที่ว่าคือวิชา “เสน่ห์ขุนแผนแสนน้ำตาตก” เป็นวิชามหาเสน่ห์ในตำนานที่ถูกใช้และทดสอบกันจนเห็นผลเป็นที่ประจักษ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวคือเหล่าชายชาติทหารที่ต้องออกไปทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง จึงทำให้ต้องห่างบ้านห่างเมืองไกล บางศึกนั้นก็กินเวลาหลายอาทิตย์ บางศึกก็ใช้เวลาหลายเดือน ชายชาตรีผู้ได้ร่ำเรียนวิชา “เสน่ห์ขุนแผนแสนน้ำตาตก” ก็จะใช้วิชานี้เพื่อผูกใจคู่ครองคนรักไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายหญิงจะไม่ปันใจไปให้ชายอื่นในระหว่างที่ตนเองไม่อยู่และจะไม่มีทางไปมีคนรักใหม่ ซึ่งผลลัพธ์แห่งวิชานี้ค่อนข้างรุนแรงถึงขนาดว่าทำให้สาวเจ้าคิดถึงชายหนุ่มปานใจจะขาดจนน้ำตาตกในทรวงอกเลยทีเดียว สมคำกล่าวที่ว่า “พ่อกุคือขุนแผน รักและหวงแหน พ่อแผนให้มา เสกมนตราเมื่อใดต้องได้มึงมา ผูกพันกายา สุนะโมโล”
4. อักขระชุดมนต์ เป็นวิชาที่แปลกเพราะนอกจากจะมีพลานุภาพทางด้านเสน่ห์รุนแรงแล้ว ยังมีพุทธคุณทางด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุดอีกด้วย ในสมัยเมื่อหลายสิบปีก่อนเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดลพบุรีท่านหนึ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันได้ว่าอักขระชุดมนต์นี้เข้มขลังนัก เพราะเพียงแค่ท่านใช้วิชานี้เสกปลัดขิก คนนำไปใช้ก็มีประสบการณ์มากมาย แต่สำหรับตะกรุดเสน่หาหน้าทองขุนแผนแสนน้ำตาตกรุ่นนี้ พระอาจารย์โอได้จารอักขระทั้ง 9 ตัวลงไปบนแผ่นตะกรุดเลย ความเข้มขลังจึงยิ่งทวีคูณเหนือคำบรรยายอย่างไม่ต้องสงสัย
========
เราเก็บรักษาบูชาและเพิ่มมนต์ขลังตามหลักเคล็ดวิธีปฎิบัติ "ขลัง๙ ทิพยศาสตร์" ก่อนส่งมอบให้ผู้ศรัทธาครอบครองต่อไป
========
เพจ:https://www.facebook.com/miss.lucky.stone
========
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม
👉🏻📱Line@ : http://bit.ly/2VDIiam 👉🏻📱inbox : m.me/miss.lucky.stone

ตะกรุดปถมังวรรค๙ ชายเหนือชาย (ขลัง๙)



ตะกรุดปถมังวรรค ๙ ยอดชาย 

ชายเหนือชายต้องมีไว้ใช้ซักหนึ่งดอก ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!!

ถือเป็นเครื่องรางที่ตอบโจทย์ของเหล่าชายรักชายได้โดยตรงที่สุดชิ้นหนึ่ง สามารถใช้อธิษฐานบอกกล่าวได้เสมือนมียอดชายเทพบุตรคอยช่วยเหลือ เด่นด้านเสน่ห์อย่างรุนแรง ดึงดูดหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ใครเห็นเป็นรักเป็นหลงแบบที่ท่านยอดบุรษทั้งหลายต้องคิดถึงคนึงหาอยากลูบไล้คลำคลึงคลอเคลียแทบขาดใจเลยทีเดียว

ตะกรุดลงด้วย “ยันต์ปถมังวรรค๙สูตรชายชาย” พระอาจารย์ได้จัดสร้างตามตำราของ "อาจารย์เปี๊ยก ลาซา" จอมขมังเวทย์รุ่นเก่าแห่งบางกอกน้อยที่มีชื่อเสียงในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 จัดสร้างพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับชายรักชายที่หิวกระหายในบุรุษเพศ จะได้สมหวังในรัก สมใจในอารมณ์

========
เพจ:https://www.facebook.com/miss.lucky.stone
========
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม
👉🏻📱Line@ : http://bit.ly/2VDIiam 👉🏻📱inbox : m.me/miss.lucky.stone

ตะกรุดพระกาฬหน้าทอง (ขลัง๙) พุทธคุณเมตตามหานิยมล้ำเลิศ


ตะกรุดพระกาฬหน้าทอง (ขลัง๙)  พุทธคุณเมตตามหานิยมล้ำเลิศ

พกพาไว้เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างเอกอุ ศัตรูไม่คิดกล้ำกลาย เด่นการค้า งานใหญ่งานยาก ธุรกิจน้อยใหญ่สำเร็จด้วยดี อริกลับกลายเป็นมิตร คุณไสยอัปมงคลเสนียดจัญไรไม่อาจแตะต้องได้ ใครคิดหาญสู้ก็ไม่อาจชนะได้เลย
เพราะโดนพระกาฬสูบกำลังมาแล้วกึ่งหนึ่ง ดั่งพญาพาลีที่ได้รับพรจากพระอิศวรว่าหากรบกับใครขอให้กำลังของคู่ต่อสู้ลดลงครึ่งหนึ่ง จนแม้แต่ทศกัณฐ์เจ้าแห่งยักษายังต้องพ่ายแพ้มาแล้ว ใครเห็นหน้าจักต้องรักสถานเดียว เพราะหน้านี้คือหน้าแห่งพระกาฬ เจ้าของตำนาน “หากไม่รัก จักต้องตาย” 

มื่อกล่าวถึงพระกาฬแล้วคนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับพระกาฬที่เป็นเสมือนเทพแห่งความตาย หรือมนต์คาถาที่เกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าและล้างผลาญ แต่แท้จริงแล้วในเบื้องลึกนั้น พระกาฬจะมีหลายภาคจึงทำให้พระกาฬมีความเกี่ยวข้องกับเวทย์มนต์คาถาและมหาเวทย์โองการศักดิ์สิทธิ์ต่างๆอีกมากมาย ทั้งมนต์ทางเสน่ห์, มนต์ทางถอดถอนคุณไสย หรือมนต์ทางหนุนดวงค้ำจุนชะตาก็มี เพราะในเนื้อหาจะมีการเอ่ยถึงนามของพระกาฬด้วยอยู่เสมอๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็เช่นมนต์ที่ใช้ในการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายหรือชำระล้างสิ่งไม่ดี จะมีการเอ่ยถึงพระกาฬในบทคาถาว่า“ข้าพเจ้าขออัญเชิญพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬฯลฯ” หรือมนต์ที่ใช้สวดขอความเป็นสิริมงคลก่อนจะเริ่มเรียนพระเวทย์ก็จะเอ่ยถึงพระกาฬในบทคาถาว่า “ข้าพเจ้าจะเรียนมนต์ ขอพระกาฬท่านสรรเสริญให้กูทำคุณพระมนต์ฯลฯ” ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในอีกมุมหนึ่งนั้นพระกาฬเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญในทุกๆแขนงสรรพวิชาเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้เองพระอาจารย์จึงได้นำมนต์พระกาฬในภาคเสน่ห์มาจัดสร้าง “ตะกรุดพระกาฬหน้าทอง” นี้ขึ้นมาโดย เน้นพุทธคุณไปในทางเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นหลัก


========
เพจ:https://www.facebook.com/miss.lucky.stone
========
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม
👉🏻📱Line@ : http://bit.ly/2VDIiam 👉🏻📱inbox : m.me/miss.lucky.stone



วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เสน่หาหน้าพระกาฬ (ขลัง๙)




เสน่หาหน้าพระกาฬ 
สร้างโดย : พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

พกพาไว้เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างเอกอุ คู่ค้า คู่เจรจาหลงใหลใจอ่อน งานยากเป็นงานง่าย ไว้เนื้อเชื่อใจ เจ้านายเมตตา บริวารชื่นชม งานก้าวหน้าโดดเด่นกว่าใคร ศัตรูไม่คิดกล้ำกลาย อริกลับกลายเป็นมิตร คุณไสยอัปมงคลเสนียดจัญไรไม่อาจแตะต้องได้ ใครคิดหาญสู้ก็ไม่อาจชนะได้เลย เพราะโดนพระกาฬสูบกำลังมาแล้วกึ่งหนึ่ง ดั่งพญาพาลีที่ได้รับพรจากพระอิศวรว่าหากรบกับใครขอให้กำลังของคู่ต่อสู้ลดลงครึ่งหนึ่ง จนแม้แต่ทศกัณฐ์เจ้าแห่งยักษายังต้องพ่ายแพ้มาแล้ว ใครเห็นหน้าจักต้องรักสถานเดียว เพราะหน้านี้คือหน้าแห่งพระกาฬ เจ้าของตำนาน “หากไม่รัก จักต้องตาย”

เมื่อกล่าวถึงพระกาฬแล้วคนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับพระกาฬที่เป็นเสมือนเทพแห่งความตาย หรือมนต์คาถาที่เกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าและล้างผลาญ แต่แท้จริงแล้วในเบื้องลึกนั้น พระกาฬจะมีหลายภาคจึงทำให้พระกาฬมีความเกี่ยวข้องกับเวทย์มนต์คาถาและมหาเวทย์โองการศักดิ์สิทธิ์ต่างๆอีกมากมาย ทั้งมนต์ทางเสน่ห์, มนต์ทางถอดถอนคุณไสย หรือมนต์ทางหนุนดวงค้ำจุนชะตาก็มี เพราะในเนื้อหาจะมีการเอ่ยถึงนามของพระกาฬด้วยอยู่เสมอๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็เช่นมนต์ที่ใช้ในการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายหรือชำระล้างสิ่งไม่ดี จะมีการเอ่ยถึงพระกาฬในบทคาถาว่า “ข้าพเจ้าขออัญเชิญพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬฯลฯ” หรือมนต์ที่ใช้สวดขอความเป็นสิริมงคลก่อนจะเริ่มเรียนพระเวทย์ก็จะเอ่ยถึงพระกาฬในบทคาถาว่า “ข้าพเจ้าจะเรียนมนต์ ขอพระกาฬท่านสรรเสริญให้กูทำคุณพระมนต์ฯลฯ” ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในอีกมุมหนึ่งนั้นพระกาฬเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญในทุกๆแขนงสรรพวิชาเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้เองพระอาจารย์จึงได้นำมนต์พระกาฬในภาคเสน่ห์มาจัดสร้างเสน่หาหน้าพระกาฬนี้ขึ้นมา โดยเน้นพุทธคุณไปในทางเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นหลัก

พระอาจารย์ได้ใช้ผงสมุกดำเป็นมวลสารหลักในการจัดสร้างเสน่หาหน้าพระกาฬนี้ ซึ่งผงสมุกดำนั้นทำได้ยากและต้องใช้ระยะเวลาและความเพียรมาก เริ่มตั้งแต่การปลูกว่านที่ต้องปลูกในวันพญาวันเท่านั้น กล่าวคือในหนึ่งปี จะทำการปลูกว่านได้เพียงวันเดียวคือวันที่15เมษายน ซึ่งถือว่าเป็นวันเถลิงศก เปลี่ยนศักราชเริ่มต้นปีใหม่ เป็นหนึ่งวันที่อยู่เหนือทุกๆวัน หนึ่งวันที่สยบทุกๆวัน หนึ่งวันที่เข้มขลังกว่าวันใดๆ

นอกจากนี้ดินที่ใช้ในการปลูกว่านนั้นยังต้องเป็นดินอาถรรพ์ที่มีคุณสมบัติครบตามที่ตำราว่าไว้อีกด้วย ส่วนน้ำที่ใช้ในการรดต้นว่านนั้น จะต้องใช้น้ำมนต์และน้ำส้มป่อยในการรดโดยเฉพาะ และเมื่อต้นว่านเจริญเติบโตครบ6ปีจนต้นว่านจะมีจิตมีตัวมีตนสถิตอยู่ภายในแล้ว จึงทำการพลีและปลุกเพิกเพชรพญาธรให้หลีกหนีออกไปจากต้นว่านก่อนตามจารีตพิธีกรรมในการเก็บว่านของผู้เรียนวิชา เพราะเชื่อกันว่าหากไม่ทำการปลุกเพิกเพชรพญาธรให้ออกจากว่านเสียก่อนแล้ว เพชรพญาธรจะมาขโมยเอาฤทธิ์ว่านไปไว้กับตัว ว่านที่เก็บมานั้นก็จักไม่มีพิษสงเหลืออยู่ให้ใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นการจะนำฤทธิ์ของว่านมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่นั้น จำเป็นต้องเพิกเพชรพญาธรให้หลีกหนีไปเสียก่อน เมื่อเก็บว่านมาแล้วจึงนำว่านมาลงยันต์ที่บริเวณหัวว่าน,ใบว่าน และลำต้น ก่อนนำไปพลีในเปลวไฟจึงจะสำเร็จออกมาเป็นผงสมุกดำตามตำรา

หลังจากนั้นจึงนำผงสมุกดำที่ได้ไปกดพิมพ์ก่อนจะนำไปปลุกเสกด้วยมนต์พระกาฬผลาญหัวใจมนุษย์พร้อมกับตะกรุดมนต์พระกาฬผลาญหัวใจมนุษย์ นอกจากนี้พระอาจารย์ได้นำวิชาลงทองหน้าพระกาฬหรือเสน่หาหน้าพระกาฬมาประยุกต์ใช้ในการจัดสร้างและปลุกเสกเสน่หาหน้าพระกาฬชุดนี้ด้วย กล่าวคือแต่เดิมแล้ววิชาลงทองหน้าพระกาฬจะมีการลงทอง4แห่งบริเวณใบหน้า โดยจะลงนามพระกาฬไว้ที่ขมับซ้าย, หัวใจพระกาฬไว้ที่ขมับขวา, รัศมีพระกาฬไว้ที่กรามซ้าย และฉายพระกาฬไว้ที่กรามขวา เป็นอีกหนึ่งในวิชาลงทองขั้นสูงที่มักถูกใช้ควบคู่กับการลงทองหน้าพระ เป็นวิชาที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนจะไม่ค่อยลงให้ลูกศิษย์หากไม่ใช่ลูกศิษย์รักจริงๆ

มีเรื่องเล่าอยู่ว่าในสมัยก่อน มีชายหนุ่มท่านหนึ่งได้เสาะแสวงหาร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆจากครูบาอาจารย์ที่เก่งกล้าสามารถอยู่เป็นนิจ ชายหนุ่มนั้นได้พบเจออาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งสามารถลงทองเข้าไปในตัวคนได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มจึงขอให้อาจารย์ท่านนั้นได้ลงทองให้บ้าง หลังจากลงทองไปจึงได้ลองไปจีบสาวดู แต่ปรากฏว่ากลับโดนสาวดุด่าว่ากล่าวกลับมา ชายหนุ่มจึงคิดว่าทองที่ลงไปนั้นอาจจะมีปริมาณน้อยเกินไป คราวนี้จึงได้เตรียมแผ่นทองคำเปลวไปเป็นร้อยแผ่น เพื่อให้อาจารย์ลงทองให้อีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ก็ได้ลงทองทั้งร้อยแผ่นให้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียวอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงได้ลองกลับไปจีบสาวดูอีกที แต่ปรากฏว่าคราวนี้ สาวได้ปล่อยสุนัขมากัด ชายหนุ่มจึงเดินทางไปพบอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง แล้วตัดพ้อว่า “ลงทองไปตั้งมากมาย ไม่เห็นจะเป็นเสน่ห์เลย” อาจารย์ท่านนั้นจึงได้ตอบกลับมาสั้นๆว่า “จะให้ลงทองเป็นเสน่ห์ก็ไม่บอก” ว่าแล้วอาจารย์จึงได้ลงทองตามใบหน้าให้ชายหนุ่มเป็นจำนวน4จุดด้วยกัน พอเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็ไปจีบสาวคนเดิมอีกที คราวนี้สาวกลับไม่ดุด่า ไม่ปล่อยสุนัขมากัด แต่กลับชวนกินข้าว และถึงขั้นชวนให้นอนค้างที่บ้านด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์ นี่คือความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของวิชาลงทองหน้าพระกาฬนั่นเอง

========
เพจ:https://www.facebook.com/miss.lucky.stone
========
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม
👉🏻📱Line@ : http://bit.ly/2VDIiam 👉🏻📱inbox : m.me/miss.lucky.stone


วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

คาถา/เสน่ห์ตับบน และ คาถา/เสน่ห์ตับล่าง คืออะไร


คาถา/เสน่ห์ตับบน หมายถึงวิชาที่ว่าด้วยเรื่องการทำให้ผู้คนทั้งหลาย เกิดความนิยมชมชอบในตัวของผู้ใช้ด้วยประการทั้งปวง อาทิ เกิดความเมตตาเมื่อได้เห็นหน้าก็จะเกิดความสงสารเมื่อได้สบตาก็เกิดความเพลิดเพลิดเมื่อได้ยินเสียงเจรจาก็จะระลึกนึกถึงถวิลหาเมื่อยามต้องพลัดพราก จากกันไปเป็นต้น



คาถา/เสน่ห์ตับล่าง นั้นจะหมายถึงวิชาที่ว่ากันด้วยเรื่องการทำให้เพศตรงข้าม ปรารถนาที่จะร่วมเสพสังวาสกับผู้ใช้ประการหนึ่ง ให้เกิดติดใจในรสชาติของกามารมณ์อันเกิดจากผู้ใช้ประการหนึ่ง ลุ่มหลงและมกมุ่นเสพสังวาสกับผู้ใช้ชนิดที่เรียกว่าไม่รู้เบื่อรู้หน่ายอีก

========
เพจ:https://www.facebook.com/miss.lucky.stone
========
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม
👉🏻📱Line@ : http://bit.ly/2VDIiam 👉🏻📱inbox : m.me/miss.lucky.stone
=========
#วิธีใช้ #หินนำโชค #สร้อยหิน  #ตะกรุด #เครื่องราง #ของขลัง #พระอาจารย์โอ